Saturday, June 8, 2013

การเตรียมเพื่อการเลี้ยงนกกระจอกเทศ

การเตรียมเพื่อการเลี้ยงนกกระจอกเทศ
ก.โรงเรือน
นกกระจอกเทศเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตในพื้นที่ป่าโปร่งเป็นทุ่งหญ้าพื้นที่ราบแถบทะเลทรายที่มีพืชอาหารสัตว์อุดมสมบูรณ์ มีพฤติกรรมในการวิ่งที่เร็วมาก อิสระในการใช้ชีวิตมีอยู่สูง และเป็นสัตว์ที่ตื่นตกใจง่าย ดังนั้น พื้นที่ที่ใช้เลี้ยงนกกระจอกเทศควรจะต้องเลือกพื้นที่ดังนี้
1. พื้นที่เป็นที่ดอน ไม่มีน้ำท่วมขัง สามารถปลูกพืชอาหารสัตว์สำหรับนกกระจอกเทศได้เป็นอย่างดี
2. ลักษณะดินควรเป็นดินร่วนปนทรายสามารถซึมซับน้ำลงสู่ใต้ดินได้อย่างรวดเร็ว น้ำไม่ท่วมขัง
3. ลักษณะภูมิอากาศ ค่อนข้างแห้งแล้งปริมาณน้ำฝนต่ำกว่า 1,000 มิลลิลิตร/ปี จะเหมาะสมมาก ถ้ามีฝนตกชุกควรไม่เกิน 1,500 มิลลิลิตร/ปี เพราะนกกระจอกเทศไม่ชอบภูมิอากาศที่ชื้นแฉะและมีฝนตกชุกเกินไป ซึ่งจะทำให้ป่วย
4. ห่างไกลจากชุมชนและถนนใหญ่พอสมควรเพราะนกจะมีนิสัยตื่นตกใจง่าย จึงควรเลี้ยงแบบอิสระ ห่างไกลจากเสียงรบกวน จะทำให้นกไม่เครียด
5. มีแหล่งน้ำที่สามารถนำมาใช้และให้นกกระจอกเทศกินได้ตลอดปี
ชนิดของคอกและโรงเรือนเลี้ยงนกกระจอกเทศ
1. คอกเลี้ยงนกกระจอกเทศพ่อ – แม่พันธุ์
นกกระจอกเทศควรจะเลี้ยงแบบเป็นชุดประกอบด้วยนกกระจอกเทศเพศผู้ 1 ตัวต่อแม่พันธุ์นกกระจอกเทศ 1 – 3 ตัว ซึ่งจะต้องมีโรงเรือนที่เหมาะสมสำหรับการผสมพันธุ์และวางไข่ โรงเรือน 1 หลังต่อ นกกระจอกเทศ 1 ชุด
คอกเลี้ยงนกกระจอกเทศพ่อ – แม่พันธุ์ จะต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ
1.1 โรงเรือน(Sheld) ส่วนประกอบจะต้องมีหลังคาซึ่งมีความสูงไม่น้อยกว่า 4 เมตร มีฝาผนัง 4 ด้าน มีประตูเข้าออก สามารถป้องกันแดด ลม พายุ ฝน ได้เป็นอย่างดี ตัวโรงเรือนควรจะมีขนาดกว้างยาวประมาณ 8 * 10 เมตร ประตูเข้าออกควรจะมี 2 ด้าน ด้านหนึ่งสำหรับผู้เลี้ยงเข้า – ออก อีกด้านหนึ่งสำหรับนกกระจอกเทศเข้า – ออก
สาเหตุที่มีประตู 2 ด้าน เพื่อเป็นการป้องกันนกกระจอกเทศไม่ให้เข้ามาทำร้ายขณะเก็บไข่ออกไปฟัก ซึ่งในฤดูผสมพันธุ์นกกระจอกเทศเพศผู้จะดูและหวงไข่ ต้องกันออกไปข้างนอกก่อนจึงจะเก็บไข่ได้ และในกรณีที่นกป่วยจะได้ขังไว้ในโรงเรือนทำให้สามารถจับนกทำการรักษาได้สะดวก หรือในกรณีที่มีพายุฝนตกหนัก ควรจะปิดขังไม่ให้นกกระจอกเทศออกไปเล่นฝน ภายในโรงเรือนจะต้องประกอบด้วยรางน้ำรางอาหาร พื้นของโรงเรือนควรจะเป็นพื้นดินอัดแน่นและปูทับด้วยทรายที่สะอาดให้มีความหนาไม่น้อยกว่า 6 นิ้วให้ทั่วโรงเรือนสำหรับนกกระจอกเทศเพศเมียจะทำหลุมวางไข่ในฤดูผสมพันธุ์
1.2 พื้นที่อเนกประสงค์ พื้นที่ ควรจะเป็นที่ว่างมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 1 ไร่ แต่พื้นที่ที่เหมาะสมควรจะมีพื้นที่ระหว่า ประมาณ 2 – 5 ไร่ ต่อนกกระจอกเทศ 1 ชุดผสมพันธุ์ (Trios) คือพ่อพันธุ์ 1 ตัว แม่พันธุ์ 2 ตัว ในกรณีพื้นที่ 1 ไร่ ควรจะมีความกว้างยาวของพื้นที่คือ 32*50 เมตร ที่กำหนดไว้เช่นนี้เนื่องจากนกกระจอกเทศชอบวิ่งเล่นหากความกว้างและความยาว ต่ำกว่านี้จะเป็นอันตรายต่อนกกระจอกเทศ เพราะมันจะวิ่งชนรั้วเนื่องจากหักเลี้ยวไม่ทัน ขนาดความกว้างที่พอเหมาะสมคือ 60 * 100 เมตร นกจะอาศัยอยู่อย่างสบาย ออกกำลังอย่างเต็มที่ ซึ่งภายในบริเวณพื้นที่ควรจะปลูกพืชอาหารสัตว์ให้นกได้จิกกิน ก็จะเป็นการดีต่อสุขภาพของนกกระจอกเทศ รั้วสำหรับคอกนกใหญ่ จะต้องสูงอย่างน้อย 1.8 เมตร แต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาด้วยว่านกที่เลี้ยงเป็นประเภท คอแดง คอดำ หรือคอน้ำเงินเพราะความสูงจะแตกต่างกัน
1.3 รั้ว จะต้องมั่นคงแข็งแรงและทนต่อแรงเตะหรือแรงปะทะของนกกระจอกเทศเมื่อวิ่งมาชน เพราะนกกระจอกเทศวิ่งเร็วอัตราเฉลี่ย 60 – 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมน้ำหนักของตัวนกอีกประมาณ 100 กิโลกรัม เป็นรั้วที่สามารถป้องกันไม่ให้สัตว์อื่นเช่นสุนัขเข้าไปรบกวนนกกระจอกเทศได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้นกกระจอกเทศเกิดความเครียดและตื่นตกใจ จะต้องไม่เป็นลวดหนาม เพราะจะทำให้นกกระจอกเทศได้รับความบาดเจ็บและผิวหนังถูกรั้วขีดข่วน รั้วดังกล่าวควรจะเป็นลวดถักหรือลวดเส้นก็ได้ หัวมุมคอกควรจะทำให้โค้งหรือมน เพราะเวลานกกระจอกเทศวิ่งเข้าไปชนแล้วไม่รู้จักถอยออกมา แต่ถ้าหากเป็นมุมฉากแล้วควรใช้ยางรถยนต์ไปปิดไว้เพื่อกันกระแทก เป็นการป้องกันการสูญเสียทางหนึ่งด้วย
2. โรงเรือนอนุบาลลูกนกกระจอกเทศ โรงเรือนที่ดีจะต้องปิดมิดชิด สามารถป้องกันสัตว์ที่เป็นอันตรายแก่ลูกนก เช่น สุนัข แมว ได้เป็นอย่างดี ภายในโรงเรือนควรแบ่งออกเป็นห้องเล็ก ๆ ที่สามารถใช้กกลูกนกได้ห้องละ 10 – 15 ตัวมีส่วนประกอบของเครื่องกก ได้แก่ ชุดให้ความอบอุ่นและแผงกั้น ตลอดจนชุดให้น้ำและอาหารแก่ลูกนกกระจอกเทศ ห้องกกควรมีความกว้างยาวประมาณ 4 * 4 เมตร ซึ่งจะสามารถเลี้ยงลูกนกได้ โดยทั่วไปแม่นกจะทำการกกลูกนกอยู่ประมาณ 30 วัน จะใช้พื้นที่ภายในโรงเรือนประมาณ 1.20 ตารางเมตร/ตัว ซึ่งโรงเรือนอนุบาลไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่อเนกประสงค์
3. คอกเลี้ยงนกกระจอกเทศรุ่น สำหรับ การเลี้ยงนกกระจอกเทศอายุระหว่าง 30 – 120 วันคอกเลี้ยงจะต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเช่นเดียวกับคอกเลี้ยงนกกระจอกเทศพ่อ – แม่พันธุ์ คือประกอบด้วยตัวโรงเรือนและพื้นที่เอนกประสงค์ พื้นที่ภายในโรงเรือนจะต้องใช้ขนาดเฉลี่ย 2 – 2.5 ตารางเมตร/ตัว และพื้นที่อเนกประสงค์จะต้องใช้พื้นที่เฉลี่ย 20 ตารางเมตร/ตัว การสร้างโรงเรือนจะแบ่งออกเป็นคอก ๆ โดยมีรั้วกั้นแบ่งพื้นที่ขนาด 10 * 25 เมตร ซึ่งจะสามารถเลี้ยงลูกนกได้ 10 – 15 ตัว รั้วควรมีความสูงอย่างต่ำ 1.50 เมตร ใช้ตาข่ายชนิดตาเล็กถี่ หัวลูกนกกระจอกเทศไม่สามารถลอดออกมาได้ และต้องสามารถป้องกันสุนัขและแมวได้เป็นอย่างดี ระยะห่างระหว่างรั้วไม่จำเป็นต้องมีเพราะนกวัยนี้ยังไม่ตีกันเพราะยังไม่ถึง วัยผสมพันธุ์ รางน้ำและรางอาหารสามารถปรับระดับความสูงได้และจะต้องอยู่ภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันฝนและแสงแดดเพื่อความสะดวกในการกินอาหารของลูกนกและกระตุ้นความ ต้องการกินอาหารของลูกนก
4. คอกเลี้ยงนกกระจอกเทศฝูง สำหรับการเลี้ยงนกกระจอกเทศอายุระหว่าง 4 – 14 เดือนนกกระจอกเทศวัยนี้อยู่ในระยะกำลังเติบโตเต็มที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ทั้งเพศผู้และเพศเมีย เมื่อถึงอายุ 12 – 14 เดือนขึ้นไปจึงคัดเลือกส่งตลาดและคัดออกเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และจัดกลุ่มผสมพันธุ์ในโรงเรือนเมื่อเลี้ยงได้อายุ 18 – 24 เดือนต่อไป คอกสำหรับนกกระจอกเทศฝูงจะต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเช่นเดียวกับคอกเลี้ยงนกกระจอกเทศรุ่น แต่พื้นที่ใช้สอยภายในโรงเรือนจะมากกว่า นกกระจอกเทศวัยนี้ต้องการพื้นที่ภายในโรงเรือนเฉลี่ย 10 ตารางเมตร/ตัว และพื้นที่อเนกประสงค์เฉลี่ย 250 ตารางเมตร/ตัว ควรจัดแบ่งฝูงฝูงละ 20 – 25 ตัว จะทำให้การจัดการง่าย โดยนกมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกันจะทำให้นกไม่รังแกทำร้ายกันมากนัก การกินอาหารจะไม่ได้เปรียบและเสียเปรียบกัน และยังช่วยทำให้อัตราการเจริญเติบโตสม่ำเสมอ ดังนั้นโรงเรือนควรจะมีขนาด 10 * 20 เมตร หรือ 15 * 15 เมตร ภายในควรจะมีรางน้ำรางอาหารยาว 10 เมตร จึงจะเพียงพอ ส่วนพื้นที่อเนกประสงค์ควรจะมีขนาดกว้างยาว 50 * 100 เมตร มีต้นไม้ใหญ่เป็นร่มเงาบ้างในตอนกลางวันสำหรับนกได้พักผ่อน การจัดผังคอกเช่นเดียวกับคอกเลี้ยงนกพ่อแม่พันธุ์
การวางแผนผังฟาร์ม การวางแผนผังฟาร์มขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบหลายประการ แล้วแต่ขนาดของธุรกิจ ปริมาณนกกระจอกเทศพ่อ – แม่พันธุ์ ปริมาณนกที่จะเลี้ยงในขนาดต่าง ๆ และพื้นที่ที่จะดำเนินการ แต่โดยทั่วไปแล้วควรจะเริ่มต้นจากธุรกิจเล็ก ๆ ไปหาธุรกิจใหญ่ ปริมาณพื้นที่ดำเนินการที่มีอยู่เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการเลี้ยงนกกระจอกเทศ การวางแผนผังฟาร์มเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการขยายกิจการต่อไป และการจัดสัดส่วนที่เหมาะสม รวมถึงการควบคุมปริมาณนกกระจอกเทศในฟาร์มให้เหมาะสมกับพื้นที่
แผนผังฟาร์มโดยทั่วไปประกอบด้วย
1.ส่วนพื้นที่โรงเรือนกักโรค
2.ส่วนพื้นที่คอกเลี้ยงนกกระจอกเทศพ่อ – แม่พันธุ์
3.ส่วนพื้นที่โรงเรือนฟักไข่
4.ส่วนพื้นที่โรงเรือนอนุบาลลูกนกกระจอกเทศ
5.ส่วนพื้นที่เลี้ยงนกกระจอกเทศรุ่น
6.ส่วนพื้นที่คอกเลี้ยงนกกระจอกเทศฝูง
7.ส่วนพื้นที่เก็บอาหารสัตว์และอุปกรณ์
8.ส่วนพื้นที่แปลงพืชอาหารสัตว์ อัตราส่วนของพื้นที่เลี้ยงนกกระจอกเทศ
การเลี้ยงนกกระจอกเทศควรมีการเตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงนกกระจอกเทศให้นกสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสบายพอสมควร ซึ่งพื้นที่ที่ทำฟาร์มเลี้ยงควรมีพื้นที่ส่วนหนึ่งประมาณ 1/3 ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นพื้นที่แปลงพืชอาหารสัตว์สำหรับสำรองใช้เลี้ยงนกกระจอกเทศซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดปี สาหรับพื้นที่โรงเรือนควรจะมีอยู่ประมาณ 2/3 ของพื้นที่ทั้งหมดแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมอื่น ๆ ด้วย

0 comments:

Post a Comment